วันนี้ (25 ธ.ค.) กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้เข้าจับกุมพระครูสังฆรักษ์ รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่าสุวัฑฒนาราม (ทุ่งอินทรีย์) อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ และเจ้าหน้าที่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ได้นำหมายค้นเข้าตรวจสอบภายในวัดป่าสุวัฑฒนาราม และสามารถจับกุมพระครูสังฆรักษ์ได้ที่บริเวณลานอเนกประสงค์ภายในวัดดังกล่าว ขณะกำลังจะออกบิณฑบาต
พระครูสังฆรักษ์ ถูกตั้งข้อหากระทำอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี,
พาผู้อื่นไปเพื่อการกระทำอนาจาร โดยใช้กลอุบายหลอกลวง หรือข่มขู่ประทุษร้ายซึ่งเป็นการกระทำต่อผู้สืบสันดานหรือกระทำต่อศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการในลักษณะลามกอนาจาร
ก่อนเข้าทำการจับกุมในวันนี้ เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าพระครูสังฆรักษ์ หรือนายศักดิ์สิทธิ์ นั้นมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เสพเมถุน กระทำอนาจารต่อสามเณรที่มาบวชเรียนช่วงปิดภาคเรียน รวมทั้งเด็กวัด โดยเจ้าหน้าที่มีภาพหลักฐานยืนยันการกระทำผิดชัดเจน ประกอบกับคำให้การในเบื้องต้นของเด็กที่เป็นเหยื่อ ผู้ปกครอง และแม่ชี
นอกจากนี้จากแนวทางสืบสวนยังทราบอีกว่าในช่วงระหว่างที่ก่อเหตุพระครูสังฆรักษ์ จะยึดโทรศัพท์มือถือของสามเณรและเด็กวัดทุกคนเพื่อป้องกันการแอบถ่ายหรือโทรศัพท์ไปบอกให้กับคนอื่นทราบ จนกระทั่งเหยื่อเริ่มทนพฤติกรรมดังกล่าวไม่ไหวจึงได้แอบถ่ายภาพหลักฐาน ก่อนจะแอบติดต่อกับผู้ปกครองจนมีการร้องเรียนและนำมาสู่การจับกุมตัวดังกล่าว
เจ้าหน้าที่พบว่า วัดดังกล่าวมีสามเณรทั้งหมด 19 รูป แบ่งเป็นสามเณรอายุต่ำกว่า 18 ปี 18 รูป อายุ 19 ปี 1 รูป พร้อมทั้งเด็กวัดอีก 10 คน สามเณรที่อายุน้อยสุดในจำนวนนี้มีอายุเพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้น โดยเจ้าหน้าที่ได้ประสานเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ให้ช่วยเหลือเยียวยาตามขั้นตอนกฎหมาย พร้อมกับเตรียมประสานไปยังสำนักพระพุทธศาสนาเพื่อให้ช่วยตรวจสอบกลุ่มสามเณรรูปอื่นๆ ที่เคยมาบวชเรียนอยู่ที่วัดดังกล่าวด้วย
จากการตรวจสอบและตรวจค้นกุฏิต่างๆภายในวัด ยังพบโทรศัพท์มือถือของสามเณรที่ถูกเก็บไว้โดยพระครูสังฆรักษ์ หลายเครื่อง พร้อมกับตรวจพบถุงยางอนามัยที่ใช้แล้ว ทิ้งอยู่บริเวณด้านหลังกุฏิพักของสามเณร จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับเชิญตัวพระครูสังฆรักษ์ไปลาสิกขาจากความเป็นพระ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.ณัฐนันท์ ไปสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนภาค 9 และจากการสอบสวน น.ส.ณัฐนันท์ ก็ยอมรับสารภาพโดยบอกว่าเปิดเฟซบุ๊กหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมมาราว 7 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
คนร้ายรายนี้ ได้แฝงตัวเป็นแม่ค้าออนไลน์ สร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาหลายชื่อ โดยนำรูปคนอื่นมาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ ประกาศขายกระเป๋าแบรนด์เนมในราคาถูก ใบละประมาณ 23,000, 24,000 และ 25,000 บาท โดยการโพสต์ขายของจะนำบัตรประชาชนปลอมที่ตัดต่อรูปในบัตรมาวางคู่กับสินค้าเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และมีการรีวิวสินค้าการันตีลูกค้า
ตำรวจแถลงจับกุม ‘เสี่ยไฮ้’ เจ้าตัวยังปฏิเสธฆาตกรรมเซลล์สาวขายปุ๋ย
วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ตำรวจได้แถลงผลการจับกุม 2 ผู้ต้องหาหลังจับกุมตัวได้ที่บริษัทห้าดาวเคมีภัณฑ์ จำกัด ตำบลพระพุทธบาท อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 24 ธ.ค.ที่ผ่านมา ในคดีฆาตกรรมอำพรางศพ น.ส.กลิ่นเกษร วงษ์สิงห์ อายุ 36 ปี เซลส์สาวขายปุ๋ย บุคคลผู้สูญหายนาน 3 ปี และพบศพในรถยนต์ส่วนตัวที่จมอยู่ในน้ำ
ผู้ต้องหาทั้งสองคนประกอบด้วย นายสันติ หรือเสี่ยไฮ้ จึงทองดี อายุ 62 ปี และ นายนิวัฒน์ หรือแจ๊ค เฉลิมวัฒน์ อายุ 36 ปี ซึ่งถูกตั้งข้อหา ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันลอบฝัง ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันทำให้เสียหาย เคลื่อนย้าย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งศพ ส่วนของศพ โดยไม่มีเหตุอันสมควร, ร่วมกันกระทำการใดๆ แก่ศพในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปเพื่ออำพรางคดี
จากการสืบสวน ทราบข้อเท็จจริงว่าน.ส.กลิ่นเกษร ผู้ตายคบหาเป็นสามีภรรยากับนายสันติ ต่อมาภายหลังมีเหตุขัดแย้งทะเลาะวิวาทกัน เรื่องความหึงหวงแล้วหายตัวไป จึงนำภาพกล้องวงจรปิดและสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆ ทำให้เชื่อว่าน่าจะถูกฆาตกรรมโดยใช้ผ้าปูที่นอนในออฟฟิศภายในบ้านของนายสันติ มัดพันห่อศพผู้ตายไว้ โดยไม่ทราบวิธีที่ทำให้ตายที่แน่ชัด แล้วนำศพผู้ตายมาทิ้งน้ำเพื่ออำพรางคดี
พนักงานสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเสนอต่อศาลจังหวัดสระบุรีขออนุมัติหมายจับนายสันติ และนายนิวัฒน์หรือแจ็ค ซึ่งเป็นลูกน้องคนสนิทของนายสันติ เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดและสามารถติดตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว ซึ่งทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 กล่าวว่า ในชั้นจับกุมทั้งสองผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธ แต่ให้การเป็นประโยชน์ในบางประเด็น ขณะที่ยังไม่พูดถึงเรื่องความหึงหวง ทั้งนี้เชื่อได้ว่ามีผู้ร่วมก่อเหตุอีก แต่ยังอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม ส่วนขั้นตอนต่อจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัว 2 ผู้ต้องหาไปรอขออำนาจศาลจังหวัดสระบุรีฝากขังผัดแรกในวันพรุ่งนี้ (26 ธ.ค.) พร้อมสั่งค้านประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะไปทำให้พยานหลักฐานยุ่งเหยิง
แนะนำ : รีวิวหนังไทย | คู่มือพ่อแม่มือใหม่ | แม่และเด็ก | เรื่องผี | แคคตัส กระบองเพชร